ข้อความต้อนรับ





วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Greeting (การทักทาย)

Greetings (การทักทาย)
                การพบปะกันในชีวิตประจำวันตามปกติแล้วจะมีการทักทายกันตามธรรมเนียม สำหรับประชาชนที่พูดภาษาอังกฤษ มักจะใช้คำหรือข้อความที่มีความหมายว่า สวัสดี ในช่วงเวลาและกับบุคคลที่แตกต่างกันดังนี้

1.        Good morning
Good morning แปลว่า สวัสดี (ตอนเช้า) ใช้กับบุคคลโดยทั่วไปตั้งแต่เวลาเช้าหรือหลังเที่ยงคืนถึงเวลาเที่ยงวัน หรือเวลาอาหารกลางวัน การออกเสียง Good มักจะเบาจนบางครั้งได้ยินแต่ morning สำหรับผู้ตอบนั้นก็กล่าวว่า Good morning ในทำนองเดียวกัน

ตัวอย่าง                                 

A : Good morning……………………”
B : Good morning……………………”

2.        Good afternoon
Good afternoon แปลว่า สวัสดี (ตอนบ่าย) ใช้กับบุคคลโดยทั่ว ๆ ไปตั้งแต่หลังเวลาเที่ยงวันหรือเวลาอาหารกลางวันจนไปถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดินหรือราวหกโมงเย็น  การออกเสียงคำทักทายนี้ออกเสียงเบาที่ Good เช่นเดียวกับ Good morning สำหรับผู้ตอบนั้นก็กล่าวคำว่า Good afternoon เช่นเดียวกับผู้ทักทาย

ตัวอย่าง                                 

A : Good afternoon……………………”
B : Good afternoon ……………………”

3.        Good evening
Good evening แปลว่า สวัสดี (ตอนค่ำ) ใช้กับบุคคลโดยทั่ว ๆ ไปตั้งแต่เวลาหลังหกโมงเย็นไปแล้ว  คำทักทายนี้ออกเสียงเบาที่ Good เช่นเดียวกับ Good morning และ Good afternoon สำหรับผู้ตอบนั้นก็กล่าว Good evening เช่นเดียวกับผู้ทักทาย

ตัวอย่าง

Joe   : Hello, Jack…………………… .
Jack : Hello……………………
4.        Hello / Hi
Hello และ Hi แปลว่า สวัสดี ใช้กับบุคคลที่สนิทเป็นกันเองหรือในการทักทายที่มิได้เป็นพิธีการ เราจะไม่ใช้กับผู้ใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามอาจใช้กับพ่อแม่ หรือผู้ที่สนิทกันได้ในบางโอกาส สำหรับการตอบนั้น  ผู้ตอบก็กล่าวเช่นเดียวกับผู้ทักทาย
5.        How do you do?
How do you do? เป็นข้อความที่ใช้ทักทายกันเฉพาะกับคนที่พบหรือรู้จักกันเป็นครั้งแรกใช้ทั้งกลางวันและกลางคืน ข้อความนี้เป็นรูปคำถามที่มีความหมายว่า สวัสดี  ซึ่งไม่ต้องการคำตอบ ดังนั้นผู้ตอบจึงต้องกล่าวตอบโดยใช้ How do you do?  เช่นเดียวกับผู้ทักทาย
ตัวอย่าง
A : How do you do?
B : How do you do?
6.        How are you? (การถามเกี่ยวกับทุกข์สุข)
หลังจากการกล่าวทักทายกันด้วยคำว่า สวัสดี แล้ว ประชาชนที่พูดภาษาอังกฤษมักจะถือเป็นธรรมเนียมที่จะต้องถามทุกข์สุขของอีกฝ่ายหนึ่งติดตามมา โดยกล่าวข้อความต่อไปนี้
How are you? (คุณเป็นอย่างไร)
How are you…………………?
                            (today)
                            (this morning)
                          (this afternoon)
                             (this evening)
How have you been? ใช้ในกรณีไม่ได้พบกันนาน ๆ ซึ่งมีความหมายเดียวกันกับ How are you? บางครั้งก็มีการเพิ่มข้อความแสดงเวลาที่ถามเช่นเดียวกัน
สำหรับการตอบนั้น ตอบได้หลายอย่าง เท่าที่นิยมมีดังนี้
                                        Im fine.
                                                (very well)                              บางครั้งอาจไม่ต้องมีประธานหรือกิริยาครบ
                                         (quite well)                       ก็ได้ คือกล่าวเฉพาะข้อความข้างหลัง
(O.K.)    
       ผู้ตอบอาจเพิ่มข้อความแสดงการขอบคุณ และถามตอบผู้ทักทาย
                                                Im fine, thank you and you?
                                                                (Thank you and how are you?)            
                                                                (Thank you and how have you been?)
                                                (ผมสบายดี ขอบคุณครับ แล้วคุณล่ะเป็นอย่างไรบ้าง)
                                                Fine, thank you and you?
       ในบางครั้งผู้ตอบอาจไม่สบาย ก็ควรตอบด้วยข้อความต่อไปนี้
                                                Not so well.
                                                Not very well.
       ผู้ตอบอาจบอกเหตุผลหรืออาการเจ็บป่วยเพิ่มเติม เช่น
                                                Not so well. I have a cold.
                                                ไม่ค่อยสบาย เป็นหวัด
       เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งทราบว่าผู้ที่เราคุ้นเคยด้วยไม่สบาย ควรแสดงน้ำใจด้วยการพูดให้กำลังใจดังนี้
                                                I hope you are better soon.
                                                ฉันหวังว่าคุณจะสบายขึ้นในเร็ว ๆ นี้   
                                                Im sorry to hear it.
                                                ผมเสียใจด้วยที่ทราบเช่นนั้น

ตัวอย่างที่  1

                                                A  :  Good morning.
                                                B  :  Good morning. How are you?
                                                A  :  Fine, thanks and you?
                                                B  :  Very well, thank you.
ตัวอย่างที่  2
                                                Joe : Hello, Joy.
                                                Joy : Hi, Joe. How are you?
                                                Joe : Not so well. I have headache.
                                                Joy : I hope you feel better soon.
                                                Joe : Thank you.

Introductions(การแนะนำให้รู้จักกัน)

Introductions (การแนะนำให้รู้จักกัน)
1. การแนะนำตนเอง
เมื่อมีการพบปะกัน หากเป็นบุคคลที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ควรทำการแนะนำตนเองให้รู้จักซึ่งกันและกัน เพื่อให้การพูดคุยกันดำเนินไปด้วยดีและมีความเป็นมิตรยิ่งขึ้น ในกรณีที่ไม่มีบุคคลที่สาม ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งควรแนะนำตนเอง เพื่อเป็นการเริ่มความเป็นมิตรก่อนดังนี้
My name is……………………….. .
Im………………………………... .
                May I introduce myself? My name is…………………. .
                ผมขอแนะนำตนเอง ผมชื่อ…………………………………
                สำหรับอีกฝ่ายหนึ่งควรตอบด้วยข้อความ สวัสดี และบอกชื่อของตนเองเช่นกัน
                How do you do? My name is………………….. .

ตัวอย่าง

                John :  May I introduce myself? My name is John.
                Jack  :  How do you do? Im Jack.
                John  : How do you do?

2. การแนะนำผู้อื่น
ในกรณีที่มีบุคคลที่สาม ซึ่งยังไม่รู้จักกับบุคคลที่เรากำลังพูดด้วย โดยมารยาทแล้วควรแนะนำบุคคลที่สองและสามให้รู้จักกัน โดยใช้ข้อความต่อไปนี้ พร้อมทำมือประกอบการแนะนำ
        This is………………….. .
        May I introduce you to…………….?  This is………………….. .
        Id like you to meet…………………… . This is………………….. .
        Let me introduce………………… .
        May I present…………………. .
        บุคคลที่ได้รับการแนะนำตัวควรกล่าว How do you do? และอีกบุคคลหนึ่งก็ควรตอบ How do you do? เช่นกัน

ตัวอย่าง 

Jane : Id like you to meet Judy.
            Judy, this is Joy.
Joy   : How do you do?
Judy : How do you do?
               
บางครั้งเพื่อให้การสนทนาดำเนินไปด้วยความเป็นมิตร ผู้ที่ได้รับการแนะนำตัวควรกล่าวเพิ่มเติม เช่น
                Im glad to meet you.
                ฉันดีใจที่ได้พบคุณ
                Glad to know you.
                ฉันดีใจที่ได้รู้จักคุณ



Leaving(การจากลากัน)

Leaving (การจากลากัน)
1.        การจากลากันโดยทั่วไป
Good bye.                       คำกล่าวอำลาโดยทั่ว ๆ ไป
Bye.                                เป็นคำกล่าวอำลาสำหรับกลุ่มเพื่อนฝูงคนสนิทกัน
2.        การกล่าวอำลาและแสดงความคาดหวังว่าจะพบกันอีก
       ในกรณีที่คู่สนทนาจากกันและจะพบกันอีกในวันเดียวกัน หรือในช่วงระยะเวลาอันสั้น มักจะกล่าวข้อความต่อไปนี้ต่อกัน
        See you.                          เจอกันนะ
        See you later. พบกันใหม่นะ
        See you soon. พบกันใหม่ในเร็ว ๆ นี้นะ
        See you + เวลาที่คาดว่าจะได้พบกัน
        See you tomorrow.         พบกันใหม่พรุ่งนี้นะ
การตอบคำอำลาเหล่านี้อาจกล่าวในทำนองเดียวกันคือ
                        O.K.
                        All right.                            
                        Thats right.
                        Fine.

ตัวอย่าง 

                                A : I have to go now. Good bye.
                                B: All right. See you.
3.        การจากลากันตอนกลางคืน
       การจากลากันตอนกลางคืน ซึ่งจะไม่พบกันอีกจนกว่าจะเช้าวันรุ่งขึ้น หรืออาจลากันเพื่อเข้านอน มักจะกล่าวคำว่า Good night ซึ่งมีความหมายว่าราตรีสวัสดิ์
4. การกล่าวก่อนอำลาจากกัน
    การกล่าวก่อนอำลาจากกัน ผู้สนทนาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจต้องกล่าวออกตัวว่า เขาจำเป็นต้องขอลา ดังตัวอย่างข้อความต่อไปนี้
    Ive got to go now.                              ฉันจำเป็นต้องไปเดี๋ยวนี้
    Its time to say good bye.   ได้เวลาต้องลาแล้ว
    I must be leaving now.                       ฉันต้องไปตอนนี้แล้ว
    Id better on my way.                         ฉันควรจะไปได้แล้วนะ


5.        การแสดงความปรารถนาดีหลังคำอำลา
       หลังจากกล่าวคำอำลาแล้วคู่สนทนาอาจต้องกล่าวเพิ่มเติมเพื่อแสดงความปรารถนาดีต่อกัน จะกล่าวอย่างไรขึ้นกับแต่ละสถานการณ์ 
5.1     ถ้าคู่สนทนากำลังจะเดินทางไกล
Have please trip.
Have a nice trip.
5.2     ถ้าคู่สนทนาจะเดินทางไปพักผ่อน
Have a good time.
                                Have a nice time.
                                Have a good vocation.
                                Have a nice vocation.
5.3     ถ้าคู่สนทนามีสุขภาพไม่สู้ดี  อาจกล่าวว่า
Take care of yourself.
Take a good care of yourself.
5.4     ถ้าคู่สนทนาต้องไปสอบหรือต้องเสี่ยง  อาจกล่าวว่า
Good luck.
Lots of luck.
ตัวอย่าง
                                A : Id better be on my way. Good bye.
                                B : Good bye and good luck.

แบบทดสอบก่อนเรียน

                                                                   แบบทดสอบก่อนเรียน

Directions : Complete the letter with appropriate words. Only one word for each blank.
                                                                                                                                               
     10 Northland Ave.
                                                                                                                                     Buffalo, New York 12488

                                                                                                                                     July 1, 1987

……(1)……Dr. and Mrs. Wackner,
                ……..(2)……..you for letting Jim take me along ..……(3)……. You went camping last week.  …….(4)…….was fun in spite of the rain, or perhaps it was mare fun because ....(5)……
the rain. So far …….(6)…….havent been down with the pneumonia Dr. Wackner said wed all get, and I hope none of you has …….(7)……. . The fact is I think I gained a couple of pounds from all the good Mrs. Wackner …….(8)……. . I ……..(9)…… a wonderful time.
                Thank you ……...(10)…….. taking me along.
                                               
                                                                                                                                Sincerely,
                                                                                                                                       
John

                1.  …………………………….                             
                2.  …………………………….                             
                3  …………………………….                               
                4.  …………………………….                             
                5…………………………….                                   
                6. …………………………….
                7. …………………………….
                8 …………………………….       
                9  …………………………….   
                10…………………………….